sahabet305.com
การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้จัดระเบียบการเข้าใช้บริการ จำนวนผู้นั่งบริโภคในร้าน การจัดสถานที่ให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติและมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด โดยอาจให้เป็นลักษณะของการนำกลับไปบริโภคที่อื่น โดยให้ศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด -19 กระทรวงมหาดไทย และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกันพิจารณาประเมิน กำหนดรูปแบบและกำกับการดำเนิการตามข้อปฏิบัติและมาตรการดังกล่าวของแต่ละพื้นที่จังหวัดให้มีความเหมาะสม 2. การจำหน่ายสุรา สำหรับร้านอาหาร หรือสถานที่ซึ่งจำหน่ายสุรา ห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน 3.
" ราชกิจจานุเบกษา " ลิงค์: หรือ เรื่อง: ประกาศให้โควิด-19เป็นโรคติดต่ออันตราย ลำดับที่ 14 มีผลบังคับใช้1มี. ค. — ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 7) พ. ศ. 2563 จึงประกาศรับสมัครบุคคล โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ โดยที่เป็นการสมควรให้มีการประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID)) เป็นโรคติดต่ออันตรายตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ. 2558 เพื่อประโยชน์ในการเผ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่ออันตราย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (1) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ. 2558 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า "ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 7) พ. 2563 ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วัดถีดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (14) ของข้อ 1 แห่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย พ. 2559 "(14) โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID)) มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการของโรคปอดอักเสบ ในรายที่มีอาการรุนแรง จะมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว และอาจถึงขั้นเสียชีวิต ประกาศ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 พ.
2563 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อ่านข่าวเพิ่มเติม โทษฝ่าฝืนประกาศ 'โควิด-19' สำหรับโทษ ฝ่าฝืนประกาศ 'โควิด-19' สธ. ย้ำปกปิดข้อมูลจำเป็นต่อการสอบสวนโรค โทษปรับ 2 หมื่น ขณะที่หลังประกาศ โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ทำผิดกฎหมายมาตราอื่นๆ โทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ในการแถลงข่าว สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19(COVID-19) ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีมีการปกปิดประวัติที่จำเป็นในการสอบสวนโรคจะมีความผิดอย่างไร นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร. ) กล่าวว่า หากประกาศโรคโควิด-19เป็นโรคติดต่ออันตรายมีผลบังคับใช้ จะดำเนินการตามพรบ. โรคติดต่อ พ. 2558 ซึ่งจะมีการกำหนดว่าประชาชน ผู้รับผิดชอบในสถานพยาบาล หรือผู้ควบคุมสถานประกอบการหรือสถานที่อื่นใด เช่น โรงแรม จะต้องรายงานแจ้งต่อเจ้าหน้าที่เมื่อมีผู้ต้องสงสัยหรือผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่ออันตราย โดยจะต้องให้ข้อมูลเป็นจริง หากไม่แจ้งจะมีโทษปรับ 2 หมื่นบาท ทั้งนี้ การแจ้งข้อมูลตามความจริง จะทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ตรงกับอาการป่วย และสร้างความปลอดภัย ป้องกันบุคคลอื่นไม่ให้ติดโรค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.
ภาพไฮไลต์ ราชกิจจานุเบกษา แบ่งพื้นที่โซนสีโควิด-19 ทั้งพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว โดยมีผลบังคับใช้ 1 เม. ย. 2565 เป็นต้นไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำสั่งศบค. ลงนามโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการแบ่งพื้นที่โซนสีโควิดล่าสุด ควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด- 19 เพื่อมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ. ศ. 2565 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โดยมีเนื้อหาดังนี้ คําสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ 6/2565 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กําหนดเป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ. 2548 ตามที่ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ. 2563 และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ออกไปอย่างต่อเนื่องเป็นระยะนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ตามแนวทางการจัดเขตพื้นที่สถานการณ์ตามข้อกําหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.
จังหวัดแพร่ 7. จังหวัดพะเยา 8. จังหวัดมหาสารคาม 9. จังหวัดแม่ฮ่องสอน 10. จังหวัดยโสธร 11. จังหวัดร้อยเอ็ด 12. จังหวัดลำปาง 13. จังหวัดลำพูน 14. จังหวัดเลย (ยกเว้นอำเภอเชียงคาน) 15. จังหวัดศรีสะเกษ 16. จังหวัดสิงห์บุรี 17. จังหวัดสุโขทัย 18. จังหวัดสุรินทร์ 19. จังหวัดหนองคาย (ยกเว้นอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอสังคม อำเภอศรีเชียงใหม่และอำเภอท่าบ่อ) 20. จังหวัดหนองบัวลำภู 21. จังหวัดอุทัยธานี 22. จังหวัดอุตรดิตถ์ 23. จังหวัดอำนาจเจริญ พื้นที่เฝ้าระวังสูง รวมทั้งสิ้น 5 จังหวัด 1. จังหวัดนครพนม 2. จังหวัดน่าน 3. จังหวัดบึงกาฬ 4. จังหวัดมุกดาหาร 5. จังหวัดสกลนคร อ่านประกาศฉบับเต็ม ที่ อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง - ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ข้อกำหนดรับเปิดประเทศ สถานบันเทิงเตรียมรอข่าวดี - ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ห้ามชุมนุม-มั่วสุม รองรับการเปิดประเทศ มีผล 1 พ. ย. นี้ - กทม. ออกประกาศฉบับที่ 45 คลายล็อก ดื่มเหล้าในร้าน ได้ไม่เกิน 3 ทุ่ม
2564 เวลา 06. 00 น. เป็นต้นไป.
2548 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอํานาจตามความในข้อ 4 (2) ของคําสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2563 เรื่อง แต่งตั้งผู้กํากับ การปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 25 มีนาคม พ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อํานวยการศูนย์บริหาร สถานการณ์โควิด-19 โดยคําแนะนําของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 และศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย จึงมีคําสั่งให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินและพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามมาตรการตามข้อกําหนดฯ สําหรับเขตพื้นที่สถานการณ์ที่กําหนด เป็นพื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่นําร่องด้านการท่องเที่ยว ตามบัญชีรายชื่อจังหวัดแนบท้าย คําสั่งนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ. 2565 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 30 มีนาคม พ. 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อํานวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีรายชื่อจังหวัดที่กําหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ แนบท้ายคําสั่ง ศบค.
ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศปรับเปลี่ยน ค่าตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR โดยวิธีการ SWAB โดยตั้งให้อยู่ที่ 1, 300 บาท โดยบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ค่าตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR – ในวันนี้ (17 ส. ค. 2564) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่าด้วยอัตราค่าบำรุงการตรวจวิเคราะห์และให้บริการ (ฉบับที่ 7) พ. ศ. 2564 โดยที่เป็นการเห็นสมควรให้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมรายการอัตราค่าบำรุงการตรวจวิเคราะห์ และให้บริการ เพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการด้านเทคโนโลยีการตรวจวิเคราะห์ และภารกิจของหน่วยงาน ในสังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ. 2545 ประกอบกับกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พ. 2552 อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า "ระเบียบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าด้วยอัตราค่าบำรุง การตรวจวิเคราะห์และให้บริการ (ฉบับที่ 7) พ. 2564" ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป โดยในข้อ 18 ให้ยกเลิกความในลำดับที่ 2 รายการอัตราการให้บริการตรวจวิเคราะห์ ทางห้องปฏิบัติการชันสูตรโรค ตามระเบียบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าด้วยอัตราค่าบำรุงการตรวจวิเคราะห์ และให้บริการ พ.
23 ก. ค. 64 เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตาม พ. ร. บ. ประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าบริการทางการแพทย์ตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุกในสถานประกอบการ คณะกรรมการการแพทย์ตาม พ. ประกันสังคม ได้กำหนดหลักเกณฑ์ และอัตราค่าบริการทางการแพทย์กรณีคัดกรองการติดเชื้อโควิด-19 ให้ผู้ประกันตนได้รับบริการทางการแพทย์เชิงรุก (active case finding) เพื่อการค้นหาผู้ประกันตนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในสถานประกอบการ พ. บ ประกันสังคม ฉบับ 4 ออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้ 1. ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ก. 2564 2. สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด สำนักงานประกันสังคมจังหวัดสาขา ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดที่สำนักงานประกันสังคม สถานพยาบาล สถานประกอบการ ที่ได้รับอนุญาตกำหนดให้มีการตรวจคัดกรองโควิด-19 ที่คณะกรรมการโรคติดต่อ กรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด เพื่อตรวจค้นหาผู้ประกันตนที่อาจติดโควิด-19 ในสถานประกอบการ ซึ่งต้องไม่ได้เป็นผู้รับสิทธิจากหน่วยงานภาครัฐอื่น หรือต้องไม่เคยได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงระยะเวลาตามที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ 3.