sahabet305.com
สพ. ชัยวัฒน์ วิญญนันทกุล
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้อาการเจ็บเท้าแย่ลง และบรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยการ ประคบน้ำแข็งหรือเจลแช่แข็งบริเวณที่เจ็บเท้า เป็นเวลา 15-20 นาทีวันละหลายครั้ง ความเย็นจากน้ำแข็งจะช่วยคลายความกดดันของกล้ามเนื้อและช่วยลดอาการบวม 2. เอาเท้าแช่น้ำ การเอา แช่เท้าในน้ำจะช่วยให้ผ่อนคลายมากขึ้น โดยการแช่เท้าในน้ำอุ่นจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ส่วนแช่เท้าในน้ำเย็นจะคล้ายกับการประคบน้ำแข็ง โดยให้แช่เท้าไว้ประมาณ 10 นาที 3. หากมีอาการปวดมาก ควรหยุดพักร่างกาย และอาจกินยาแก้อักเสบ เพื่อช่วยบรรเทาอาการ ควรกินยาแค่ช่วงปวดไม่เกิน 3-7 วัน อย่างไรก็ตามหากอาการเจ็บเท้าไม่หายไปภายใน 2-5 วัน ควรปรึกษาแพทย์ ถ้าไม่อยากเจ็บเท้าหลังออกกำลังกาย ต้องรู้จักการ "ถนอมข้อ" 1. ควรยืดข้อให้สุดแล้วค้างไว้เป็นเวลา 10-15 วินาที ทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง โดยเน้นกล้ามเนื้อบริเวณน่อง กล้ามเนื้อ ต้นขาด้านหน้า และกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง 2. ก่อนการออกกำลังกายทุกครั้งต้องทำการอบอุ่นร่างกาย หรือ วอร์มร่างกาย ( Warm Up) ทุกครั้ง เพื่อสร้างความพร้อมให้กับร่างกายก่อนที่จะออกกำลังกายหรือวิ่ง 3. ไม่ควรวิ่งแบบก้าวเท้ายาวหรือยกเข่าสูงเกินไป เพราะข้อเข่าต้องงอมากเกินความจำเป็น อาจทำให้ปวดเข่าง่ายขึ้น ปวดกล้ามเนื้อน่อง และเข่าด้านหน้า และนี่เป็นวิธีดูแลบรรเทาอาการเจ็บเท้าหลังการวิ่งออกกำลังกายเบื้องต้นเท่านั้น แต่เชื่อว่าใครที่ออกกำลังกาย จะต้องได้นำไปใช้กันอย่างแน่นอน การออกกำลังกาย เข้า ฟิตเนส ( Fitness) เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรเล่นให้เหมาะสมกับความพร้อมของร่างกาย เพื่อลดอาการบาดเจ็บนะคะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก sanook บทความน่าสนใจ - วิ่งอย่างไรให้ได้ประโยชน์ - วิธีเตรียมตัวก่อนวิ่งที่ " ฟิตเนส " - วิ่งที่ฟิตเนสอย่างไรให้ถูกวิธีและเบิร์นไขมัน
นักกายภาพบำบัดจะอธิบายถึงสาเหตุว่าทำไมนักวิ่งถึงมีอาการฝืดหรือติดขัดบริเวณข้อต่อ ยืดขาได้ไม่สุดและไม่มั่นคง และมีอาการตึงอย่างสุดขีดบริเวณส้นเท้า ในส่วนของการบำบัดอาการนี้ นักกายภาพบำบัดจะทดสอบความแข็งแรงและความมั่นคงของข้อเท้าด้านซ้ายของลูกค้าด้วย เพื่อให้รู้ค้าเห็นถึงความไม่สมดุลกันของเท้าทั้งสองข้าง นักกายภาพบำบัดจะออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายสำหรับฝึกเองที่บ้านเพื่อเสริมสร้างการเคลื่อนไหวด้วยข้อเท้าให้แข็งแรงและมั่นคงมากยิ่งขึ้น
เริ่มวิ่งออกกำลังกายมาสองสามเดือนแล้วครับ อยากลดพุง วิ่งวันละ 5 กิโล 30 นาทีบนลู่วิ่ง ความเร็วประมาณ 10 ตลอด 30 นาที 3 วันพัก 1 วัน แต่ตอนนี้ปัญหาคือปวดข้อเท้ามากๆ น่องก็ปวด แต่ไม่มาก ยังพอทนได้ ไม่เท่าข้อเท้า ที่บางทีปวดจี๊ดๆ เวลาเดิน แต่ก่อนจะเป็นคนที่ปวดเข่าบ่อยมาก แต่ตั้งแต่มาวิ่ง เข่าไม่ปวดอีกเลย แต่ปวดข้อเท้าแทน -*- อย่างนี้ต้องแก้ยังไงดีครับ ต้องเปลี่ยนรองเท้าเป็นแบบไหน ดีครับ มียี่ห้อรองเท้า รุ่นไหนแนะนำบ้างครับ ผมสูง 174 หนัก 67 ครับ วิ่งมาสองสามเดือน สังเกตุได้ว่าเอว กับต้นขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด แสดงความคิดเห็น
✅ สั่งมากสั่งน้อย ค่าส่ง80บาททั่วไทย ✅ ติดตามรายละเอียด สั่งซื้อชาลำไยได้ที่ 👇🏻 WEBSITE: Line: (@inwiangvalley)
ข้อเท้ามีหน้าที่ทำให้นักวิ่งเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ทำงานร่วมกับก้น เข่า และฝ่าเท้าในการดูดซับแรงกระแทกระหว่างวิ่ง ดังนั้นข้อเท้าจึงถือเป็นอวัยวะสำคัญอย่างหนึ่ง แต่ นักวิ่ง มักจะละเลยและลืมนึกถึงมัน จนกระทั่งเกิดอาการผิดปกติขึ้นมา อย่างเช่น ข้อเท้าแพลง หรือปวดเมื่อยหลังแข่ง เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บข้อเท้าต่างๆ เรามี 5 เรื่องสำคัญที่นักวิ่งทุกคนควรรู้มาฝาก 1. อาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าไม่ใช่แค่เคล็ดขัดยอก ไม่ใช่แค่ข้อเท้าแพลงเท่านั้นนะ แต่การบาดเจ็บที่ข้อเท้ายังมีอีกหลายอย่าง เช่น กล้ามเนื้อ Tibialis posterior อักเสบ กล้ามเนื้อ Tibialis posterior จะอยู่ในบริเวณขาด้านล่างรอบๆกระดูกข้อเท้ามีหน้าที่พยุงฝ่าเท้า ถ้าเส้นเอ็นมีอาการอักเสบล่ะก็ อาการเริ่มต้นจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกลามเป็นเจ็บมาก ถ้าปล่อยทิ้งไว้กล้ามเนื้อส่วนนี้ก็จะไม่สามารถช่วยพยุงฝ่าเท้าได้อีก แบบนี้แย่แน่ๆ 2. ใครบ้างที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า นักวิ่งที่เคยบาดเจ็บที่ข้อเท้ามาก่อน และไม่ได้รับการฟื้นฟูกล้ามเนื้อแบบ 100% เพราะเลิกทำกายภาพบำบัดเร็วเกินไป อันนี้เสี่ยงคนทำงานในออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานที่โต๊ะนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อหลายส่วนไม่ได้ขยับเขยื้อนวิธีสังเกตความผิดปกติของข้อเท้า ให้ลองสังเกตรองเท้าที่เราใส่ทั้งสองข้าง ถ้ามันดูผิดรูปผิดร่างก็แสดงว่าในตอนที่เราวิ่ง เท้าของเราขยับออกไปด้านข้างมากเกินไป หรือถ้ามีอาการข้อเท้าแพลงเป็นประจำ นั่นแสดงว่ากล้ามเนื้อด้านในหรือด้านนอกของเรานั้นไม่มั่นคงและอ่อนแอไปหน่อย 3.
การเลี้ยงสัตว์โดยส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะมีกิจกรรมพาน้องออกไปวิ่งเล่น เพื่อให้น้องได้ออกกำลังกาย ซึ่งหลาย ๆ ครั้งพบว่าเกิดการบาดเจ็บที่ข้อขา ทำให้น้องเดินกระเผลกหรือท่าทางการเดินเปลี่ยนไป แต่เจ้าของมีความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงอาการชั่วคราวเดี่ยวก็คงหายไป ซึ่งจริง ๆ แล้วการบาดเจ็บในส่วนของข้อขาสัตว์ไม่ได้หายขาด แต่เป็นปัญหาสะสมที่เรื้อรังไปเรื่อย ๆ และถือเป็นภัยเงียบที่ทำร้ายสัตว์เลี้ยงที่เรารักในที่สุด 1. พื้นทางเดินที่ลื่นจนเกินไป หรือสัตว์ชอบกระโดดขึ้นที่สูง สิ่งปูรองในบ้าน เช่น พื้นกระเบื้อง หินขัด ปาเก้ มักมีโอกาสทำให้สัตว์เลี้ยงลื่นได้ง่าย เนื่องจากความมันวาวของลักษณะทางเดินเหล่านี้ ดังนั้นหลาย ๆ ครั้งเราอาจเห็นจนชินตาที่น้องหมาวิ่งมาแล้วเกิดอาการเบรคไม่อยู่จนลื่นล้มลงไป ซึ่งการบาดเจ็บในแต่ละครั้งจะทำให้มีการบิดของหัวเข่าที่รุนแรง หรือกรณีเจ้าของมีการชวนน้องเล่นกระโดด อย่างการโยนลูกบอลบนพื้นขัดมัน พบว่าข้อต่อของสัตว์เหล่านี้จะเกิดการรับน้ำหนักที่มากกว่าปกติ จนนำไปสู่การบาดเจ็บที่รุนแรงในที่สุด 2. พื้นต่างระดับกันมากจนเกินไป การที่น้องหมาน้องแมวชอบ กระโดดขึ้นลงที่สูง ในบ้านจนเป็นประจำ เช่น ขึ้นโซฟาหรือเตียงนอน จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสะสม โดยมีสาเหตุจากแรงบดขยี้ที่ข้อต่อหรือหมอนรองกระดูกข้อเข่าในทุก ๆ ครั้งของการกระโดด การบาดเจ็บนี้หากเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเจ้าของจะดูไม่ออก อย่างไรก็ตามการบาดเจ็บจะค่อย ๆ สะสมจนกระทั่งสัตว์เลี้ยงทนไม่ไหวและแสดงความผิดปกติออกมาให้เห็น 3.
อย่าฝืนวิ่งในขณะที่กำลังเจ็บข้อเท้า จริงอยู่... ที่การหยุดวิ่งเพื่อพักฟื้นนั้นมันดูเป็นเรื่องที่ขัดใจใครหลายคน แต่การฝืนตัวเองเพื่อที่จะได้ฝึกวิ่งต่อไป หรือไม่ยอมทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายฟื้นตัวจนเต็มที่ มันมีแต่จะทำให้เราได้รับบาดเจ็บมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก การฝืนอาจจะทำให้เข่า ข้อต่อสะโพก เอ็นร้อยหวาย และเส้นเอ็นได้รับบาดเจ็บไปด้วย 4. อย่ามองข้ามการพักเพื่อฟื้นตัว ถ้ากลับไปวิ่งต่อโดยที่ไม่ได้มีการพักเพื่อฟื้นตัวเลย ก็จะทำให้มีอาการบาดเจ็บหนักมากขึ้น และทำให้ใยกล้ามเนื้อที่ไม่ควรได้รับ บาดเจ็บ พลอยเจ็บตามกันไปด้วย แย่กว่าเดิมไปอีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าควรจะพักนานเกินไปนะ 5. ต้องทำกายภาพบำบัดอย่างเต็มที่ ท่าที่แนะนำให้ฝึกเพื่อบรรเทาอาการ เจ็บข้อเท้า คือ ท่า Calf raises เพราะเป็นหนึ่งในท่าที่ดีที่สุดที่จะทำให้ข้อเท้าแข็งแรงมากขึ้น ขณะฝึกควรยกส้นเท้าและข้อเท้าให้เป็นเส้นตรง แต่ถ้าข้อเท้างอเข้าด้านในมากเกินไปในจังหวะที่ยืดตัวขึ้น ก็ให้ยืดเท้าตามไปด้วยแค่นั้นเอง ดังนั้น เราควรส่องกระจกดูตัวเองไปด้วยในขณะที่ทำท่านี้ ดูคลิปฝึกท่า Calf raisesได้ที่ นอกจากนี้ก็ควรฝึกท่า Squats และท่า Lunges ไปด้วย.