sahabet305.com
การควบคุมการกินอาหาร ว่าจะให้กินเมื่อใด กินอาหารประเภทไหน มีการกินหรือการกลืนลำบากหรือเปล่า และอาเจียนหรือไม่ 2. การควบคุมการกินน้ำ โดยดูว่ามีการกินน้ำมากกว่าหรือน้อยกว่าปกติหรือไม่ 3. การควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะและอุจจาระโดยดูที่ สี ปริมาณ ความเข้มข้น ความถี่ในการขับถ่าย หรือดูว่ามีอาการเจ็บปวดขณะปัสสาวะหรืออุจจาระหรือไม่ หรือดูว่ามีการขับถ่ายเรี่ยราดหรือไม่ 4. ชั่งน้ำหนักทุกๆ 2 เดือน 5. มีการตรวจและตัดเล็บ ตรวจดูแผลตามตัว รวมถึงกลิ่นที่ผิดปกต การขยายใหญ่ของช่องท้องและดูว่ามีอาการขนร่วงหรือไม่ 6. การควบคุมด้านพฤติกรรม ดูการนอน การแสดงออกต่อผู้คนรอบข้างมีอาการตกใจง่ายหรือไม่ และลักษณะท่าทางการนอนผิดปกติหรือไม่ 7. การควบคุมด้านท่าทางและการเคลื่อนไหว เช่นมีการชักหรือไม่ การสูญเสียการทรงตัว หรือเจ็บขา 8. ดูความผิดปกติของการหายใจ หรือดูว่ามีการไอ มีการหอบหายใจ การจามหรือไม่ 9. ดูแลสุขภาพฟัน แปรงฟันให้แมวอย่างสม่ำเสมอ ดูว่ามีสิ่งผิดปกติในปากหรือไม่ ดูปริมาณน้ำลาย และดูลักษณะสีของเหงือกว่าเป็นสีเหลือง ชมพูหรือม่วง 10. ควบคุมอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อมว่าแมวของคุณมีความสุขสบายหรือไม่ 11. พาไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์ของคุณเป็นประจำ ลักษณะอาการที่พบบ่อยและโรคที่เกี่ยวข้อง 1.
การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม โรคที่เกี่ยวข้อง คือ ความเจ็บปวดจากข้ออักเสบหรือสภาวะอื่นๆ การสูญเสียการมองเห็นและการได้ยิน โรคตับ โรคไต โรค Hepatic lipidosis 2. การอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การทำงานผิดปกติของ Mitral valve โรคหัวใจ โรคโลหิตจาง โรคอ้อน โรคมะเร็ง 3. การเปลี่ยนแปลงในด้านความกระตือรือร้นของร่างกาย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรค Hyperthyroidism โรคข้ออักเสบ ความเจ็บปวดต่างๆ ความอ้วน โลหิตจาง ความผิดปกติของ Mitral valve และโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคมะเร็ง 4. น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น โรคที่เกี่ยวข้อง คือ ความอ้วน 5. น้ำหนักลด โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคมะเร็ง โรคไต โรคตับ โรคของระบบทางเดินอาหาร การกินอาหารลดลง Hyperthyroidism Hepatic lipidosis โรคฟัน ความผิดปกติของลิ้นหัวใจ Mitral valve โรคหัวใจ การอักเสบของลำไส้ 6. การไอ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคหอบ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง 7. การดื่มมากและปัสสาวะบ่อย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต Hyperthyroidism 8. การอาเจียน โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคไต โรคตับและโรคของระบบทางเดินอาหาร 9. อาการท้องเสีย โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคของระบบทางเดินอาหาร การอักเสบของลำไส้ โรคไต โรคตับ และอาจเกิดจากการเปลี่ยนอาหารเร็วเกินไป 10.
การชัก โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคลมชัก ( Epilepsy) โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต 11. อาการลมหายใจเหม็นผิดปกติ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคฟัน โรคมะเร็งในช่องปาก โรคไต 12. อาการขาเจ็บ โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การลุกลำบาก การเดินผิดปกติ ข้ออักเสบ ความอ้วน เบาหวาน 13. การกลั้นปัสสาวะไม่ได้หรือการถ่ายเรี่ยราด โรคที่เกี่ยวข้อง คือ การเป็นเนื่องจากข้ออักเสบ การอักเสบของลำไส้ Bladder stones โรคมะเร็ง 14. อาการบวมและการกระแทก โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคมะเร็งและเนื้องอกต่างๆ 15. การเปลี่ยนความอยากของอาหาร โรคที่เกี่ยวข้อง คือ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต ความเครียดและความเจ็บปวดต่างๆ อาจเกิดจากฤทธิ์ของยา โรคปากและฟัน Hyperthyroidism และ Hepatic lipidosis สาเหตุของการเกาและเลียในแมว บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจโรคอันเป็นสาเหตุของการเกาและเลียในแมว อาการแพ้นั้นมีอยู่หลายโรค ที่เป็นสาเหตุให้แมวของคุณเกา เลีย ดึงขน หรือผิวหนังแดง เหล่านี้ได้แก่ โรคขี้เรื้อน โรคมะเร็ง ปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมและการติดเชื้อ พร้อมด้วยการวินิจฉัยโรคและการรักษาได้ถูก สรุปไว้ดังแสดงในตารางด้านล่างต่อไปนี้
หลายคนอาจจะสงสัยว่า โรคหัดแมวติดต่อคนไหมได้หรือไม่? คำตอบก็คือ โรคไข้หัดแมวไม่สามารถติดต่อสู่คนได้นะครับ เพื่อนๆ ไม่ต้องเป็นกังวลเลย เพราะอาการไข้หัดแมวจะติดต่อแค่ในตระกูลแมวเท่านั้น หลังจากทำความรู้จัก โรคไข้หัดแมว อาการหัดแมว และวิธีการรักษาหัดแมวเบื้องต้น แล้ว ทางที่ดีเราควรพาเจ้าเหมียวไป ตรวจสุขภาพ และ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดแมว กันด้วยนะ ถ้าคุณอยากเพิ่มความอุ่นใจให้กับน้องแมว สามารถ ซื้อประกันสัตว์เลี้ยง ให้คุ้มครองเมื่อแมวเจ็บป่วยได้ในอนาคต หมดห่วงเรื่องค่ารักษาทันที เพื่อเจ้าเหมียวสุดที่รักของคุณ
ท้องเสีย อาการท้องเสีย หรือถ่ายเหลวสามารถพบได้บ่อยในแมว สามารถแบ่งลักษณะการท้องเสียตามอาการและความรุนแรง ได้ 3 ประเภทใหญ่คือ - ถ่ายเหลวเป็นน้ำ สาเหตุมักเกิดจาก อาหาร การติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ป่วยด้วยโรคอื่นๆ - ถ่ายเหลวเป็นเมือก มักเกิดจาก พยาธิ และปาราสิตบางชนิด - ถ่ายเหลวเป็นเลือด มักเกิดจากมีบาดแผลในลำไส้ พยาธิ ปาราสิตบางชนิด ไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิด สำหรับความรุนแรงของโรคนั้นมีตั้งแต่ป่วยเล็กน้อย จนถึงตาย ดังนั้นเมื่อมีอาการท้องเสียควรนำแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษา ที่ถูกต้อง 3. น้ำลายไหล เมื่อแมวมีอาการน้ำลายไหลออกมามากเกินไป อาจจะมีสาเหตุได้หลายอย่าง เช่น แพ้ยาหรือสารเคมีบางอย่าง ติดเชื้อไวรัสบางชนิด กินยาเบื่อหนู ความรุนแรงอาจจะถึงตายได้ดังนั้นควรนำไปพบหมอเพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาโดย ด่วน 4. ไอ แมวที่มีอาการไอ มักจะมีปัญหาที่หลอดลม หรือปอด อาจจะเกิดจากสาเหตุของการติดเชื้อ ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด การวินิจฉัยที่ได้ผลมักจะต้องเอ็กซเรย์ หรือต้องใช้กล้องตรวจภายในส่องดู บางทีอาจจะต้องเช็คเลือดด้วย 5. จาม บางตรั้งแมวที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็อาจจะจามได้ เมื่อรู้สึกระคายเคืองที่จมูก แต่ถ้าการจามนั้นบ่อย หรือร่วมกับการมีน้ำมูก นั่นแสดงว่าป่วยซะแล้ว สาเหตุอาจเกิดจากแบคทีเรีย หรือไวรัส ต้องพาไปตรวจก่อนจะสายเกินไป ไม่งั้นอาจจะลุกลามจนทำให้เป็นปอดบวมได้ 6.
กระทู้สนทนา ตั้งใจทำให้มากๆ แต่ฝีมือกากไปหน่อยนะ ถูกใจจะมากจะน้อย ก็ช่วยโหวตเปเป้ด้วยนะจ๊ะ 0 แสดงความคิดเห็น คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ขาวมณี (Khao Manee) สายพันธุ์ไทยที่อยากจะให้คนไทยอนุรักษ์ไว้ค่ะ ลักษณะของสายพันธุ์นี้เด่นๆ คือ มีสีขาวตลอดทั้งตัว ส่วนความเชื่อที่ว่า ขาวมณีแท้นั้นจะต้องมีตาสองสีนั้น ไม่เป็นความจริงค่ะ ขาวมณีเเท้ๆ ไม่จะเป็นจะต้องมีตาสองสีเสมอไป บางตัวก็มีตาสีเดียวกันทั้ง 2 ข้างก็ด้วยค่ะ นิสัยของแมวพันธุืนี้จะมีความขี้อ้อน ขี้ประจบ เชื่อฟังเจ้าของมากๆ ดูเเลง่ายไม่ยุ่งยาก ผลัดขนไม่เยอะค่ะ 6. บริติช ช็อตแฮร์ (British Shorthair) สายพันธุ์โบราณที่มีประวัติยาวนานกว่า 2, 000 ปีค่ะ เป็นนิยมอย่างมากตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุปัน เพราะน้องมีนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ไม่ร้องโวยวายให้รำคาญใจค่ะ เป็นมิตรกับคนอื่น นิสัยไม่ก้าวร้าว ดูเเลลาเลี้ยงง่ายจ้า 7. แมวเอ็กโซติก (Exotic) สายพันธุ์นี้จะมีลักษณะคล้ายเเมวเปอร์เซียค่ะ คือมีหน้าสั้นๆ หน้าตาตะมุตะมิน่ารักน่าเอ็นดู จุดเด่นคือมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ขี้อ้อนน่ารัก ขนยาวกว่าปกตินิดหน่อยเเต่ก็ไม่ยาวจนดูเเลยากค่ะ เเถมไม่จับเป็นก้อนง่าย ไม่พันกันด้วยจ้า 8.