sahabet305.com
เพิ่มอัตราการใช้งานภายในออฟฟิศให้ดียิ่งขึ้น โจทย์ใหญ่ของผู้ดูแลอาคาร หรือผู้บริหารคือการที่ต้องการจะทำให้พื้นที่ภายในออฟฟิศถูกใช้ได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด การนำระบบ Smart Office มาใช้จะช่วยเปลี่ยนพื้นที่บริเวณต่างๆที่ถูกใช้อย่างไม่ถูกต้อง หรือไม่เต็มประสิทธิภาพมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กรณี ห้องประชุมที่ถูกจองแล้วไม่ได้ใช้ หรือที่เรียกว่า No-Show การนำระบบจองห้องประชุมเข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนี้จะช่วยทำให้มีห้องประชุมว่างมากยิ่งขึ้น 4. เข้าใจการใช้งานพื้นที่โดยละเอียด การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้จะช่วยทำให้องค์กรสามารถเก็บข้อมูลการใช้งานจริงในพื้นที่บริเวณต่างๆของพนักงานได้อย่างแม่นยำ ช่วยทำให้รู้ว่าการปรับปรุงออฟฟิศในอนาคตจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงไปในทิศทางใด เช่น องค์กรควรจะแบ่งห้องประชุมขนาดใหญ่ออกเป็นสองห้องย่อยหรือไม่ พื้นที่โต๊ะทำงานส่วนกลางมีอัตราการใช้มากน้อยเป็นอย่างไร เป็นต้น การมีข้อมูลต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยทำให้องค์กรไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไปในอนาคต 5. ดึงดูดพนักงานใหม่และรักษาพนักงานเดิม การที่องค์กรให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องของเทคโนโลยี รวมไปถึงการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ภายในบริเวณออฟฟิศให้ดียิ่งขึ้น หรือรองรับการทำงานรูปแบบใหม่ๆมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น พื้นที่ทำงานส่วนกลาง พื้นที่ Common Area การติดตั้ง Phone Booth สำหรับพนักงานที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เป็นต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยส่งผลทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และเกิดไอเดียใหม่ๆในการทำงานมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังเป็นการดึงดูดคนรุ่นใหม่หรือพนักงานใหม่ให้สนใจอยากเข้าร่วมงานกับองค์กรของคุณมากยิ่งขึ้น 6 ตัวอย่างเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ Smart Office 1.
By Phatphicha Lerksirinukul | 06 ม. ค. 2565 เวลา 15:43 น.
ระบบจองห้องประชุมอัจฉริยะ (Smart Meeting Room Booking System) การติดตั้งระบบจองห้องประชุมจะช่วยทำให้องค์กรสามารถจัดการปัญหาต่างๆในเรื่องของการจองห้องประชุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมทำให้อัตราการใช้ห้องประชุมดียิ่งขึ้น เพิ่ม Productivity ที่ดีให้กับพนักงาน สามารถจองห้องประชุมจากที่ไหนก็ได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ 2. ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition Access Control) ความปลอดภัยและความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคปัจจุบัน นอกจากจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับพื้นที่บริเวณต่างๆแล้ว ยังเป็นช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับพนักงาน ผ่านการเข้าออกอาคารแบบไร้สัมผัส ตอบโจทย์ Touchless Technology รวมถึงคุณสามารถเชื่อมต่อเทคโนโลยีเข้ากับระบบจองห้องประชุม Meet in Touch ของเราได้อีกด้วย ช่วยให้การเช็คอินเพื่อเข้าใช้ห้องประชุม เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว สะดวก ปลอดภัย ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที 3. ระบบควบคุมแสงสว่าง (Lighting Automation Control) การนำเทคโนโลยีเซนเซอร์ IoT มาใช้ในการควบคุมแสงสว่างหรือเปิดปิดไฟอัตโนมัติจะช่วยทำให้องค์กรสามารถควบคุมแสงสว่างภายในอาคารได้จากระบบเดียว ช่วยลดค่าใช้จ่ายในกรณีที่ไม่มีผู้ใช้งาน รวมถึงสามารถนำมาเชื่อมต่อกับระบบจองห้องประชุม Meet in Touch ได้ง่ายๆ ในกรณีที่ไม่มีผู้ใช้งาน สามารถตั้งค่าระบบให้ปิดไฟอัตโนมัติได้ เป็นต้น 4.
คอม ที่
ความคิดเห็นของคุณได้รับการชื่นชมอย่างมาก!
ตู้ล็อคเกอร์อัจฉริยะ (Smart Locker) การนำ ระบบตู้ล็อคเกอร์อัจฉริยะ เข้ามาใช้ช่วยทำให้พนักงานสามารถเก็บของใช้ได้อย่างปลอดภัยด้วยตนเอง ผู้ดูแลระบบสามารถปรับเปลี่ยนตู้ล็อคเกอร์แบบถาวรหรือแบบชั่วคราวได้ง่ายๆผ่านระบบหน้าจออัจฉริยะ รวมถึงการตั้งค่าอื่นๆในระบบจากที่ไหนก็ได้ผ่านระบบ Cloud รองรับการทำงานรูปแบบใหม่ในอนาคต รวมถึงตู้ล็อคเกอร์ควรที่จะรองรับขนาดที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานของพนักงาน 5. ระบบบันทึกผู้มาติดต่อ (Visitor Management System) นอกจากเทคโนโลยีภายในออฟฟิศสำหรับพนักงานแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่องค์กรให้ความสำคัญคือ บริเวณ Lobby ต้อนรับแขกผู้มาติดต่อ องค์กรสามารถนำระบบบันทึกผู้มาติดต่อเข้ามาบริหารจัดการแขกผู้มาติดต่อในการลงทะเบียนข้อมูล รวมถึงเป็นระบบที่ใช้ในการแจ้งเตือนพนักงานภายในเมื่อผู้มาติดต่อมาถึงแล้ว ช่วยองค์กรสามารถเพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันคนแปลกหน้าอีกด้วย 6.
Ultraloq U-Bolt Pro + Wi-Fi Bridge สั่งล็อกและปลดล็อกผ่านแอป, ผ่านแป้นกดรหัสผ่าน, กุญแจ รวมถึงสั่งด้วยเสียงผ่าน Siri, Alexa และ Google Assiatant ได้ จดจำและสแกนลายนิ้วมือได้ ลดและปลดล็อกอัจฉริยะได้ด้วยเสียง ปลดล็อกอัตโนมัติเมื่อใกล้หรืออยู่หน้าประตู มีฟีเจอร์ Magic Shake แค่เขย่าสมาร์ทโฟน ตัวล็อกก็จะปลดล็อก มี Geofencing เทคโนโลยีระบุพื้นที่หรือขอบเขตเมื่อออกห่างจากที่พัก ใช้งานร่วมกับ Amazon Alexa, Google Assistant ได้ ใช้งานกับอุปกรณ์ของ Apple ไม่ได้ 3.