ฟอก ฟัน เสียว ฟัน
ก่อนและหลัง THB PROMOTION Duration Zoom! Whitespeed tooth whitening 12, 000 10, 000 1 Visit เข้าสู่ระบบ
ฟอกสีฟัน (Tooth Whitening) - Siamdent Dental Clinic
แนะนำให้เก็บน้ำยาฟอกสีฟันในตู้เย็น ส่วนถาดฟอกสี หลังจากถอดออกแล้วให้ล้างน้ำสะอาด ใช้แปรงปัดคราบน้ำยาที่ติดอยู่ออกให้หมด ผึ่งให้แห้ง แล้วเก็บใส่กล่องที่แห้งสนิท หากไม่ได้ฟอกสีฟัน ที่บ้านนาน ๆ ควรเก็บกล่องที่ใส่ถาดฟอกสีไว้ในตู้เย็นด้วยเช่นกัน ฟอกสีฟันเองทำตอนไหนดี? สามารถเลือกช่วงเวลาที่สะดวกได้ ถ้าสะดวกกลางคืน ให้ฟอกสีฟันตอนนอน 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ถ้ากลางวันให้ทำอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับท่านที่มีอาการเสียวฟันแนะนำให้ทำวันเว้นวัน ฟอกสีฟันเอง ใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะเห็นผล?
คนที่มีปัญหาเรื่องฟันเหลือง สีฟันหมองคล้ำไม่ขาวสดใสก็คงต้องการฟอกสีฟันแต่ก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจว่าการฟอกสีฟันเป็นอันตรายหรือไม่ และจะทำดีหรือไม่?
การ์ตูน
การฟอกสีฟันไม่ได้ทำลายผิวฟันแต่อย่างใด เนื่องจากการฟอกสีฟันเป็นการใช้แสงกระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันเข้าไปฟอกสีเนื้อฟัน ซึ่งเป็นส่วนที่มีสีเข้ม และเหลืองซึ่งสามารถเห็นออกมาถึงชั้นผิวฟันด้านนอก ทั้งนี้น้ำยาที่ผ่านเข้าไปฟอกสีฟันจะค่อย ๆ หมดฤทธิ์ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังจากฟอกสีฟัน ดังนั้นการฟอกสีฟันจึงไม่ทำให้เนื้อฟันสึกหรือบางลงได้ คนท้องฟอกสีฟันได้ไหม? ในคนท้องทันตแพทย์ไม่แนะนำให้ฟอกสีฟันเพราะแสงจากเครื่องฟอกสีฟันอาจจะรบกวนลูกน้อยในครรภ์ได้ หากคุณแม่ต้องการฟอกสีฟันควรมาพบคุณหมอหลังจากคลอดลูกเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามคุณแม่สามารถฟอกสีฟันในช่วงที่ให้นมบุตรได้ ฟอกฟันขาวราคาเท่าไหร่?
ภาษาอังกฤษ
ขัดฟันเพื่อความสะอาดผิวฟัน กรณีมีหินปูนจะได้รับการขูดหินปูนก่อนฟอกสีฟัน 2. เทียบสีฟันก่อนฟอกสีฟัน 3. กันขอบเหงือกเพื่อป้องกันน้ำยาฟอกสีฟันไม่ให้โดนเหงือก 4. ทาน้ำยาฟอกสีฟันและใช้แสงจากเครื่อง ZOOM! กระตุ้นให้ฟันขาว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 5. เทียบสีฟันหลังจากทำเสร็จ และดูผลลัพธ์ของการรักษาได้ทันที รีวิวฟอกสีฟัน ZOOM Teeth Whitening ที่ APEX Dental Center คุณขวัญลดา สุวรรณฤกษ์ (ปุยฝ้าย) พริตตี้ นางแบบ ที่ให้ความสำคัญกับรอยยิ้ม เลือกฟอกสีฟันด้วยระบบ ZOOM Teeth Whitening ที่ใครๆก็สามารถทำได้ สร้างความประทับใจในรอยยิ้มตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอกับรอยยิ้มสวย ฟันขาวสะอาดสดใส ฟอกฟันขาวที่ไหนดี?
ฟอกฟันขาวในคลินิก การฟอกฟันขาวใน คลินิกทันตกรรม จะใช้น้ำยาที่มีความเข้มข้นสูง ข้อดีคือ สีของฟันจะขาวขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจ ส่วนใหญ่ใช้เวลาเพียงแค่ 45-60 นาที การฟอกสีฟันในคลินิกจะต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น เนื่องจากน้ำยาที่มีความเข้มข้นสูง หากสัมผัสเข้ากับเนื้อเยื่อในช่องปากเช่น เหงือก กระพุ้งแก้ม หรือริมฝีปาก ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบ คุณหมอจะต้องปกป้องอวัยวะเหล่านี้ด้วยการใส่แผ่นยางกันน้ำลาย (Rubber Dam) และทาเรซินชนิดพิเศษเพื่อกั้นไม่ให้น้ำยาไปโดนเหงือก 2. การฟอกฟันขาวที่บ้าน การฟอกฟันขาววิธีนี้ คุณหมอจะพิมพ์ปากเพื่อทำถาดฟอกสี และเตรียมน้ำยาซึ่งมีความเข้มข้นต่ำกว่าแบบที่ใช้ในคลินิกไปให้คุณฟอกเองที่บ้าน คุณจะต้องใส่ถาดฟอกสีฟันที่มีน้ำยาเอาไว้ตอนนอน และถอดออกเพื่อทำความสะอาดในตอนเช้า ส่วนใหญ่ต้องทำต่อเนื่องกัน 1-2 สัปดาห์ถึงจะเห็นผล การฟอกสีฟันที่บ้านมีผลข้างเคียงน้อย และมักมีราคาที่ย่อมเยากว่า แต่ก็ต้องแลกด้วยการใช้เวลาที่นานขึ้น และไม่สะดวกเหมือนกับคุณหมอเป็นคนฟอกให้ 3. การซื้อผลิตภัณฑ์ฟอกฟันขาวมาใช้เอง โดยไม่ผ่านทันตแพทย์ ปัจจุบันมีอุปกรณ์ และสารฟอกสีฟันจำนวนมากออกจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด มีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งแบบเป็นน้ำยา เจล ผสมเข้ามากับยาสีฟัน หรือเป็นแผ่นแปะลงไปที่ตัวฟัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ออกแบบมาให้มีความปลอดภัย และมีความสะดวกในการใช้งาน แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่ในการดูแลของทันตแพทย์ น้ำยาที่ใช้จึงมีความเข้มข้นที่ต่ำที่สุด ต้องใช้ระยะเวลานานจึงจะเห็นผล รวมทั้งอาจทำให้ขาวขึ้นได้ไม่เท่ากับการฟอกด้วยน้ำยาที่มีความเข้มข้นสูงกว่า ฟอกฟันขาวที่เรามีให้บริการ Smile Season มีฟอกฟันขาวให้เลือก 3 แบบ 1.
- ฟอก ฟัน เสียว ฟัน ภาษาอังกฤษ
- ฟอกสีฟันที่บ้าน ทำอย่างไร สรุป ขั้นตอน & วิธีฟอกฟันขาวที่บ้าน
- ฟอก ฟัน เสียว ฟัน การ์ตูน
เสียวฟัน เกิดจากอะไร? อาการเสียวฟันเกิดจากการที่ชั้นเนื้อฟัน(ที่เคยมีเคลือบฟันคลุมอยู่)ถูกเปิดออก ซึ่งในเนื้อฟันจะมีท่อเล็กๆเป็นจำนวนมากวางตัวเข้าไปสู่ส่วนกลางของฟัน ซึ่งเมื่อเนื้อฟันถูกเปิดออกและได้รับการกระตุ้นจากสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น น้ำเย็น อาหาร หวาน อาหารเปรี้ยว การแปรงฟัน หรือแม้แต่ลม แล้วส่งสัญญาณไป ถึงโพรงประสาทฟันจนเกิดอาการเสียวฟัน ทั้งนี้การสึกของฟันอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่ 1. แปรงฟันโดยใช้แรงกดที่มากเกินไป 2. แปรงฟันผิดวิธี 3. ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งเกินไป 4. ทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวจัด หรือเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด (เครื่องดื่มอัดก๊าซ) 5. การนอนกัดฟันหรือในบางคนอาจเกิดจากภาวะกรดไหลย้อนทำให้ฟันสัมผัสกับกรดจากกระเพาะอาหาร 6. มีนิสัยชอบเคี้ยวฟันหรือบดฟันเน้นย้ำ (มักเกิดขึ้นในขณะที่มีความเครียดหรือมีความกังวล) 7. มีฟันบิ่น แตกหรือร้าว จนถึงชั้นเนื้อฟัน 8. ฟันผุที่มีความลึกถึงชั้นเนื้อฟัน 9. เหงือกร่น ทั้งจากการเป็นโรคเหงือกอักเสบหรือจากการแปรงฟันที่ผิดวิธี 10. ใช้ยาสีฟันที่มีผงขัดหยาบมากเกินไป อาการเสียวฟัน อาจป้องกันได้โดยการแปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ การควบคุมการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แบบตรงมื้อ ลดการทานอาหารรสจัดและการพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน หรือหากเกิดอาการเสียวฟันแล้วควรรีบปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุและเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลุกลามของรอยโรคเหล่านั้น